รีวิว : 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในเกาหลี!!
(Top Ten Attraction in South Korea)
Korea Fan Club ได้ทำการวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเกาหลีมาไว้ที่นี่ ลองดูกันว่าไปเที่ยวกันมาครบหรือยัง
1. One Mount Snow Park
One Mount ตั้งอยู่ที่เมือง Goyang ไม่ไกลจากกรุงโซล เดินทางง่าย แบ่งเป็น 2 โซนหลัก คือ Water Park และ Snow Park เปิดตัวต้นเดือนพฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา
การเดินทาง : รถไฟสถานี Juyeop ทางออก 4 จากนั้น เดินตรงมุงหน้าไปยัง สี่แยก Juyeop-ro จากนั้นเลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงไปจนถึง One Mount ใช้เวลาเดินจาก Juyeop ทางออก 4 ถึง One Mount ประมาณ 10 นาที
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2014/08/05/onemountsnowpark/
2. วัดพงอึนซา (Bongeunsa Temple)
วัดนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัยกษัตริย์วอนชอนแห่งราชวงศ์ชิลลา เป็นวัดพุทธนิกายมหายาน มีอายุกว่า 1,200 ปี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองท่ามกลางย่านธุรกิจคังนัม ตรงข้ามกับห้างดัง Coex Mall (ฝั่งเหนือ North Gate) เวลาทำการ 05:00 – 21:00 น.
การเดินทาง : Seoul Subway Line 2 (สายสีเขียว) ไปยัง Samseung Station (219) เดินไปยังทางออกที่ 6 จะเป็นทางเดียวกับการเดินทางไปยัง COEX Mall ถ้าไม่อยากเดินเล่นที่ห้างฯ ตั้งใจไปไหว้พระอย่างเดียวก็เดินเข้าห้างและหาประตูฝั่งเหนือ (North Gate) แล้วเดินออกมาเลย วัดจะอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเห็นได้ทันที
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2014/05/01/bongeunsatemple/
3. เกาะนามิ
เกาะนามิ ตั้งอยู่ที่เมืองชุนช็อน จังหวัดคังว็อน ห่างจากโซลไปทางตะวันออก 63 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาหลีใต้ เกาะนามีมีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำ เป็นเกาะกลางแม่น้ำฮัน ซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนช็องพย็อง[1] โด่งดังจากซีรีส์เพลงรักในสายลมหนาว ซึ่งใช้เกาะนามีเป็นสถานที่ถ่ายทำ
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินมาที่สถานี Sangbong Station (line No.7) แล้ว ขึ้นสาย Gyeongchun line โดยลงที่สถานี Gapyeong (Nami Island)
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2012/12/24/namiseom/
4. พระราชวังถ๊อกซูกุง Deoksugung Palace
พระราชวังแห่งนี้มีถนนกำแพงหินอันมีชื่อเสียงที่มักมีผู้นิยมไปเดินเล่นพักผ่อนชื่นชมกับงามงดงามของพระราชวัง ซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเด่นสง่างามท่ามกลางอาคารสไตล์ตะวันตกใจกลางกรุงโซล แต่เดิมพระราชวังเคยเป็นของเจ้าชายวอลซาน Wolsandaegun (ค.ศ. 1454-1488) พี่ชายของกษัตริย์ซุนจอง Seongjong (ค.ศ. 1469-1494) ในราชวงศ์โชซอน และได้เปลี่ยนชื่อเป็นพระราชวัง Gyeongungung ในสมัยกษัตริย์ Gwanghaegun (ค.ศ. 1575-1641) ขึ้นครองราชย์ ในปี ค.ศ. 1611 ได้กลับมาใช้ชื่อเดิมอีกครั้ง คือ Deoksugung ซึ่งมีความหมายว่า พระราชวังแห่งอายุยืนยาวและมั่นคง ภายในพระราชวังมีอาคารสไตล์ตะวันตกที่สำคัญๆ ในทางประวัติศาสตร์และการเมือง หนึ่งอาคารในนั้นคือ The Jeukjodang Building หรือ Junghwa Hall รวมไปถึงอาคารที่โดดเด่นอื่นๆ ในพระราชวัง เช่น Seokeodang, Junmyeongdang, Jeukjodang, Jeonggwanheon, Deokhongjeon, Borugak และ Jagyeokru นอกจากนี้ภายในพระราชวังยังมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจ ได้แก่ ประตูหลักแทฮันมุน, พระที่นั่งชุงวาจอนและท้องพระโรง และซกโชจอนตั้งอยู่ตรงข้ามกับศาลากลางกรุงโซล
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 2 ลงที่สถานี City Hall ทางออกที่ 12 รถไฟใต้ดินสาย 1 ลงที่สถานี City Hall ทางออกที่ 2
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2013/05/27/deoksugung/
5. หอคอยกรุงโซล
หอคอยกรุงโซล แห่งนี้มีความสูงจากฐาน 236.7 เมตร มีความสูงถึง 479.7 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ถูกสร้างขึ้นในปี 1969 ด้วยมูลค่าการก่อสร้างที่สูงถึง 2.5 ล้านเหรียญ และเปิดให้เข้าชมเมื่อ ปี 1980 ซึ่ง SEOUL TOWER เป็นหอคอย 1 ใน 18 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลกคู่รักหนุ่มสาว จะขึ้นมาที่ หอคอยกรุงโซล เพื่อคล้องกุญแจคู่รัก Love Key Ceremony บนโซลทาวเวอร์ โดยจะเขียนข้อความ หรือชื่อของคู่รักไว้บนแม่กุญแจ แล้วนำแม่กุญแจไปคล้องกับรั้วเหล็กส่วนลูกกุญแจโยนจะทิ้งไป ด้วยความเชื่อที่ว่าหากคู่รักคู่ใด ได้มาเยือนและคล้องกุญแจคู่รักกันที่นี่ จะทำให้ความรักของทั้งคู่ยืนยาว ไม่พรากจากกันไปตลอดกาล
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสายที่ 3 และ 4 ลงที่สถานี Chungmuro ออกทางออกที่ 2 และขึ้นรถประจำทางสาย 2 ลง N Seoul Tower (ตารางรถ 08:00 ถึง 24:00 น./ ออกทุกๆ 8 นาที/ ระยะเวลาการเดินทาง 15 นาที)
รถไฟใต้ดินสายที่ 6 ลงที่สถานี Itaewon ออกทางออกที่ 4 และขึ้นรถประจำทางสาย 3 ลง N Seoul Tower (ตารางรถ 08:00 ถึง 23:00 น./ ออกทุกๆ 10 นาที/ ระยะเวลาการเดินทาง 15 นาที)
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2012/05/03/seoul-tower/
6. คลองชองเกชอล บางก็ออกเสียงว่า (ชองกเยชอน)
เป็นคลองโบราณในสมัยราชวงศ์โชซอน อายุกว่า 600 ปี ความยาวประมาณ 5.84 กิโลเมตร ไหลผ่านย่านใจกลางกรุงโซล แต่ในช่วงค.ศ. 1957-ค.ศ. 1977 ได้มีการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ทำให้คลองถูกถมลงเป็นถนนและทางด่วน เกิดตึกสูงมากมาย คลองชองกเยชอนก็เริ่มเน่าเสียและตื้นเขิน กระทั่งปีค.ศ. 2002 นายลี มยองปากได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโซล เขาได้เสนอโครงการฟื้นฟูคลองชองกเยชอน โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนต่อต้านจำนวนมาก จนต้องมีการประชุมร่วมกันมากกว่า 2,000 ครั้ง แต่โครงการก็เริ่มขึ้นได้ด้วยดีในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 โดยเริ่มทุบทางด่วน และรื้อถนนโดยรอบมากมาย จนแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2005 มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 5 สีม่วง ลงสถานีควางฮวามุน (Gwanghwamun) ทางออกที่ 5
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2012/06/07/gwanghwamun/
7. สวนสนุกเอเวอร์แลนด์
สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี กำเนิดโดยตระกูลซัมซุง โดยบริษัท ซัมซุงเอเวอร์แลนด์ สร้างในปี ค.ศ.1976
เจ้าของกิจการซัมซุงมีลูกชาย 3 คน เมื่อลูกชายคนโตมีหลานชายคนแรก คุณปู่ก็เลยอยากสร้างสวนสนุกให้เป็นของขวัญ
จึงซื้อภูเขา 1 ลูกจากรัฐบาล แเพื่อสร้างสวนสนุกที่อยู่กลางหุบเขา โดยให้ชื่อว่า Everland
การเดินทาง :
– ต่อที่ 1 : สาย 1005-1 ขึ้นจากเมียงดงไปลง Yangjae Station
– ต่อที่ 2 : สาย 5002 ขึ้นจาก Yangjae Station ยาวไปจนถึง Everland
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2012/05/29/everland/
8. หอระฆังโพซินกัก (Bosingak Bell Pavilion)
สมบัติทางประวัติศาสตร์ชิ้นที่สองที่ถูกขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการของกรุงโซล มีความสูง 3.15 เมตร ระฆังหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในสมัยราชวงศ์โชซอน มีความสูงประมาณ 3 เมตร ในอดีตใช้สำหรับตีบอกเวลาในการเปิด – ปิดประตูทั้ง 4 ของกรุงโซล ระฆังปัจจุบันคือระฆังที่ได้ทำขึ้นมาใหม่ เนื่องจากของเดิมถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1468 ต่อมาได้ทำการซ่อมแซมและเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถาณแห่งชาติ ปัจจุบันได้กำหนดให้มีการตีระฆังเฉพาะในวันสำคัญ 3 วัน ได้แก่ วันขึ้นปีใหม่ วันขบวนการกอบกู้อิสรภาพ (1 มีนาคม) และวันฉลองอิสรภาพ (15 สิงหาคม) ของทุกปี
การเดินทาง :
– หมายเลข 1. นั่งรถไฟฟ้าสายสีส้ม ลงสถานีที่ 328 (Anguk Station) แล้วออก Exit 6 เพื่อเดินเที่ยวและช๊อปปิ้งบนถนน Insa-Dong
– หมายเลข 2. เดินมาให้สุดถนน Insa Dong แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนน Jongno Ga
– หมายเลข 3. เดินมาที่หมายเลข 3 เพื่อชมหอระฆังโพซินกัก (Bosingak Bell Pavilion) และตึกชงโน (Jongno Tower)
– หมายเลข 4. เดินไปไหว้พระและเยี่ยมชมวัดโชเกซา (Jogyesa Temple) จากนั้นเดินแล้วไปขึ้นรถไฟฟ้าที่เดิมคือ Anguk Station
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2014/05/13/bosingak-bell-pavilion/
9. พระราชวังชางด๊อกกุง หรือ พระราชวังชางด๊อก
หนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดในสาธารณรัฐเกาหลี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซอน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405) แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1412) ด้วยเหตุที่พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังเคียงบก (Kyeongbok Palace) ผู้คนจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังตะวันออก (East Palace) ซึ่งต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าซอนโจ กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งโชซอนได้โปรดเกล้าฯ ให้ขยายสนามหญ้าของพระราชวังเป็น 500,000 ตารางเมตร
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 3 สีส้ม ลงสถานีอันกุก (Anguk) ทางออกที่ 3
ชม Review คลิกที่นี่ :
https://www.koreafanclub.com/2012/05/27/changdeokgung/
10. พระราชวังคยองบกกุง หรือ Gyeongbokgung Palace (경복궁)
คือพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของโซล จึงทำให้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ‘พระราชวังทางเหนือ’ ส่วนพระราชวังอื่นๆ อย่าง พระราชวังชางด็อกกุง ตั้งอยู่ทางตะวันออก และพระราชวังถ็อกซูกุง ตั้งอยู่ทางตะวันตก นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าวังคยองบกนั้น ยังสวยที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้ง 5 อีกด้วย
การเดินทาง : สถานี Gyeongbokgung ทางออก 5 อยู่หน้าพระราชวัง
แหล่งรวมข้อมูลท่องเที่ยวเกาหลี อ่านเพิ่มที่ …
Website : www.koreafanclub.com
Instagram : www.instagram.com/koreafanclub
Fanpage ลุงเด้งป้าไก่ : www.facebook.com/uncledeng
YouTube ช่องท่องเที่ยวโดยลุงเด้งป้าไก่ -> https://goo.gl/SLXeyh